อนาคตของปาเลสไตน์
จุดสู้รบอันร้อนระอุจุดหนึ่งบนโลกขณะนี้ คือสงครามระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังฮามาสในฉนวนกาซ่า โดยมีกองหนุนทั้งจากสหรัฐอเมริกา และฝ่ายอาหรับประกอบด้วยอิหร่าน กองกำลังฮิชบอลเลาะห์ในเลบานอน และกองกำลังฮุตีในเยเมน.
สภาวะสงครามดำเนินไปโดยมีอิสราเอลส่งจรวดติดหัวรบ, โดรน, เครื่องบิน, รถถัง ยิงทำลายฉนวนกาซ่า และเขตเวสแบงค์อย่างต่อเนื่อง นับจากวันที่กองกำลังฮามาสบุกเข้าเขตยึดครองของอิสราเอลตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2566 สังหารชาวอิสราเอลไปประมาณ 1200 คน และจับตัวประกันอีกราว 250 คน.
ไม่เพียงทำลายอาคารบ้านเรือนตึกรามมากกว่าครึ่งของคนปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซ่า คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์สี่หมื่นกว่าคน บาดเจ็บอีกราวเก้าหมื่นคน อิสราเอลยังลอบสังหารผู้นำกลุ่มฮามาส และกลุ่มฮิชบอลเลาะห์ทางภาคใต้ของเลบานอน ติดกับเขตยึดครองตอนเหนือของอิสราเอล โดยเฉพาะการลอบสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส.
เป้าหมายของอิสราเอลคือการทำลายล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก ควบคุมฉนวนกาซ่ามิให้เป็นปฏิปักษ์ต่อต้านอิสราเอลอีกตลอดไป โดยไม่คำนึงถึงการสูญเสียชีวิตผู้คนปาเลสไตน์แต่อย่างใด.
องค์การสหประชาชาติและองค์การสากลมากหลาย สหรัฐอเมริกา ตลอดจนกลุ่มประเทศอาหรับ ได้พยายามเปิดการเจรจาหาทางประนีประนอมเพื่อยุติสงคราม แต่ถึงวันนี้ยังไม่เห็นโอกาสของการยุติสงคราม แม้กระทั่งการหยุดยิงชั่วคราวของอิสราเอล.
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 21 – 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จีนได้เชิญองค์การและกองกำลังต่าง ๆ ในปาเลสไตน์ 14 กลุ่มไปประชุมร่วมกันที่กรุงปักกิ่ง และออกคำแถลง “ปฏิญญาปักกิ่ง”.
จุดมุ่งหมายคือ สร้างเงื่อนไขประนีประนอมภายในกลุ่มองค์กรและกองกำลังต่าง ๆ ของปาเลสไตน์ ยุติความขัดแย้งแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และผนึกเสริมสร้างความสามัคคีของชาวปาเลสไตน.
“ปฏิญญาปักกิ่ง” ชี้ชัดถึงความร่วมมือของ 14 กลุ่ม เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติปาเลสไตน์ สถาปนารัฐปาเลสไตน์เอกราช โดยมีกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวง.
องค์การและกองกำลัง 14 กลุ่ม ยอมรับการนำขององค์การปลดปล่อยปาเลนไตน์ (พีแอลโอ) โดยมีกลุ่มฟาต้า เป็นหัวหอก ซึ่งองค์การนี้ได้รับการยอมรับจากองค์การสหประชาชาติ ตามมติเลขที่ 3236 ในปี 1974 ได้ปกครองเขตเวสแบงค์บางส่วน และอิสราเอลไม่คัดค้าน เพราะมองว่ากลุ่มฟาต้า ไม่ได้ต่อสู้และดำเนินการด้านกองกำลังสู้รบ.
“ปฏิญญาปักกิ่ง” เป็นหมุดหมายสำคัญ หาก 14 กลุ่มของปาเลสไตน์สามารถก้าวผ่านความขัดแย้งแตกแยก ผนึกความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน เพื่อต่อสู้ยุติสงคราม และสร้างรัฐปาเลสไตน์อิสระ.
ขั้นตอนต่อไป คือการจัดตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ เพื่อบริหารกิจการของปาเลสไตน์ ทั้งในเขตเวสแบงค์ และฉนวนกาซ่า เจรจายุติสงครามกับอิสราเอล และฟื้นฟูบูรณะตึกรามบ้านช่องในฉนวนกาซ่า.
อุปสรรคสำคัญคือ นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู และรัฐบาลขวาจัดของอิสราเอล ไม่ยอมรับกลุ่มฮามาส และกองกำลังอื่น ๆ เช่นอิสลามจิฮัด ยืนยันที่จะกวาดล้างทำลายกองกำลังสู้รบของชาวปาเลสไตน์ให้สิ้นซาก สหรัฐอเมริกาสนับสนุนจุดยืนของรัฐบาลเนทันยาฮูเช่นกัน.
นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศหลายสำนัก คิดว่า “ปฏิญญาปักกิ่ง” เป็นเพียงละคอนฉากหนึ่งที่จะไม่มีผลในทางปฏิบัติ เหมือนเช่นที่ผ่านมาหลาย ๆ ครั้งของการเจรจาสร้างสามัคคีในกลุ่มต่าง ๆ ของปาเลสไตน์ และอาหรับ.
ความขัดแย้งแตกแยกเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน การไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะกลุ่มฟาต้า กับกลุ่มฮามาส เป็นปมสำคัญที่บั่นทอนพลังการต่อสู้เรียกร้องและสู้รบของชาวปาเลสไตน์.
เห็นได้ชัดจากการจัดตั้งกลุ่มการเมืองและสู้รบถึง 14 กลุ่ม หรืออาจจะมากกว่านี้ ต่างคนต่างแสวงผลประโยชน์ ตั้งกลุ่มอิสระ ไม่ขึ้นต่อกัน.
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ขาดทฤษฎีชี้นำ การจะปลดปล่อยดินแดนปาเลสไตน์จากการควบคุม และยึดครองบางส่วนของอิสราเอล เป็นภารกิจที่ยากลำบาก การขาดความสามัคคี ขาดการยอมรับซึ่งกันและกัน ขาดองค์การนำที่เป็นเอกภาพ และขาดทฤษฎีชี้นำการต่อสู้ ล้วนเป็นสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์ต้องก้าวผ่านให้ได้.
“ปฏิญญาปักกิ่ง” จึงเป็นบททดสอบของชาวปาเลสไตน์ ในการขจัดข้ออ่อนข้างต้น.
โดย ชาญณรงค์ เตชะรัชต์กิจ
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก
รำ