BRICS ผงาดสร้างระเบียบโลกใหม่
โดย กมล กมลตระกูล
การประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม 2567 ซึ่งรัสเซียเป็นเจ้าภาพ มีความสำคัญมากกว่าที่เคย เพราะมีผู้นำสำคัญจากประเทศอื่น ๆ อีก 36 ประเทศ รวมถึงนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เข้าร่วมด้วย
หัวข้อของการประชุมสุดยอดครั้งนี้คือ “กลุ่มประเทศ BRICS และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา: ร่วมสร้างโลกที่ดีขึ้นร่วมกัน” ( BRICS and the Global South: Building a Better World Together".)
ในการประชุมครั้งนี้ อียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการให้เป็นสมาชิก ส่วนประเทศที่รอการรับรอง ได้แก่ ตุรกี อาเซอร์ไบจาน และมาเลเซีย
ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียประกาศในฐานะเจ้าภาพว่า เรียกร้องให้มีระบบการเงินโลกใหม่ที่ยุติธรรมกับทุกประเทศ ไม่ถูกควบคุมโดยตะวันตก เขากล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐฯถูกใช้เป็นอาวุธในการคว่ำบาตรประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายตะวันตก
ตามรายงานบนเว็บไซต์ RT.com ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียกล่าวปราศรัยต่อผู้นำในการประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยในสุนทรพจน์ของเขา ได้เน้นที่บทบาทและแนวโน้มที่มีเพิ่มขึ้นของกลุ่มเศรษฐกิจบริกส์ และเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกจากการคว่ำบาตรและนโยบายคุ้มครองการค้าของชาติตะวันตก เขาเสนอความคิดริเริ่มในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ ซึ่งอาจเป็นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดจากการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งสำหรับการให้เวทีระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดแก่ปูติน
ปูตินยังประกาศถึงความคิดริเริ่มของรัสเซียภายในกรอบ BRICS รวมถึงการก่อตั้งการแลกเปลี่ยนธัญพืชและแพลตฟอร์มการลงทุนใหม่
การประชุมสุดยอดครั้งนี้มีสมาชิก BRICS ทั้ง 9 รายเข้าร่วม ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีอินเดีย นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีจีน นายหลี่ เฉียง และประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ นายซิริล รามาโฟซา ตามสุนทรพจน์ของปูติน การค้าโลกและเศรษฐกิจโลกโดยรวมกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวในการประชุม BRICS ว่าในรูปแบบการขยาย ศูนย์กลางของกิจกรรมทางธุรกิจได้ค่อย ๆ เปลี่ยนไปสู่ตลาดที่กำลังพัฒนา เขากล่าวเสริมว่า “กำลังมีการสร้างแบบจำลองหลายขั้ว ซึ่งกำลังเปิดตัวคลื่นลูกใหม่ของการเติบโต โดยส่วนใหญ่เกิดจากประเทศในกลุ่มโลกใต้และโลกตะวันออก” ประธานาธิบดีรัสเซียเตือนถึงวิกฤตการณ์ระดับโลกครั้งใหม่ที่อาจเกิดขึ้น โดยอ้างถึงภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นในประเทศพัฒนาแล้ว การคว่ำบาตรจากฝ่ายเดียว และนโยบายคุ้มครองกีดกั้นการค้าเป็นภัยคุกคามสำคัญ “ปัจจัยเหล่านี้กำลังทำให้การค้าระหว่างประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศแตกแยก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา” ปูตินกล่าว
เขายังชี้ให้เห็นถึงความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งกัดกร่อนรายได้และผลกำไรขององค์กรในหลายประเทศ คำพูดของปูตินยังเน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นและผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงประเทศ BRICS ด้วย
BRICS ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 ในการประชุมที่เมืองเยกาเตอริงเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ในปีแรกมี 4 ประเทศที่ริเริ่มการจัดตั้ง ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ในปีถัดมา แอฟริกาใต้เข้าร่วมกับอีกประเทศหนึ่ง จึงกลายเป็น BRICS ตามชื่อแรกของประเทศผู้ก่อตั้ง
BRICS ก่อตั้งขึ้นเพื่อท้าทายระเบียบโลกเก่าที่จัดการโดยองค์การสหประชาชาติ ธนาคารโลก ระบบการเงินเบรตตันวูดส์ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ หรือ SWIFT (สมาคมโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก) SWIFT เป็นระบบที่สร้างความอยุติธรรม ต้นทุนสูง พึ่งพาและถูกควบคุมโดยประเทศตะวันตกที่ร่ำรวย กลุ่ม G7 เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อลงโทษเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง สร้างบทลงโทษด้วยการคว่ำบาตร มี 2 มาตรฐาน หลอกลวง และขาดประชาธิปไตย ดังนั้น ประเทศกำลังพัฒนา ประเทศที่ต้องการเลือกเส้นทางการพัฒนาชาติทางเลือกที่ไม่ปฏิบัติตามระบบทุนนิยมโลก หรือลัทธิเสรีนิยมใหม่ จึงตกเป็นเหยื่อของระเบียบโลกเก่า
สมาชิกสหประชาชาติที่ไม่ได้เป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 5 อันดับแรก เสียเปรียบ ขาดการมีส่วนร่วม ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม และถูกกีดกันจากการค้า และปิดกั้นระบบการเงินโลก
ดังนั้น ระเบียบโลกใหม่ที่เสมอภาค เป็นประชาธิปไตย ที่ทุกเสียงได้รับการรับฟัง มีส่วนร่วมอย่างยุติธรรม และพัฒนาไปพร้อมกันโดยไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง จึงมีความจำเป็นเพื่อแทนที่ระเบียบโลกเก่า
การประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ เข้าร่วม BRICS ซึ่งเป็นองค์กรใหม่ เพื่อจัดระเบียบโลกใหม่ที่ยุติธรรม สันติ และปราศจากสงคราม เป้าหมายในการจัดตั้ง BRICS ในปี 2552
BRICS มีเป้าหมายหลักดังต่อไปนี้:
1. ส่งเสริม พัฒนา และขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าอย่างเสรีจากระเบียบโลกตะวันตก
2. ส่งเสริมและพัฒนาสันติภาพและเสถียรภาพของโลก ร่วมมือในการปราบปรามการก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน การค้ามนุษย์ และแก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนด้วยสงคราม
ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศ
3. ส่งเสริมการแลกเปลี่ยน ถ่ายโอน และการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน
ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
4. ส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา (South South South Cooperation)
นโยบายของกลุ่ม BRICS คือ:
ส่งเสริมและสร้างระบบการเมืองและการค้าโลกแบบหลายขั้วใหม่แทนที่ NATO, UN, World Bank, WTO และ IMF
สร้างระบบการเงินโลกใหม่โดยใช้สกุลเงินดิจิทัล หรือสกุลเงิน BRICS ที่ได้รับการหนุนหลังด้วยทองคำ เพื่อใช้เป็นเงินในการแลกเปลี่ยนน้ำมัน สินค้าและบริการ ชำระหนี้ และใช้เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศแทนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
จัดตั้งธนาคารพัฒนาระหว่างประเทศเพื่อให้สินเชื่อแก่ประเทศกำลังพัฒนาแทนธนาคารโลก
สนับสนุนให้ประเทศเล็ก ๆ มีบทบาทเท่าเทียมกันในทางการเมืองโลกกับมหาอำนาจและได้รับความเป็นธรรม
สร้างเวทีใหม่สำหรับการเจรจาประเด็นความมั่นคงของโลกแทนสหประชาชาติในด้านการก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด ภาวะโลกร้อน ภัยธรรมชาติ และเกษตรกรรมที่ยั่งยืน
ข้อมูลความสำคัญของกลุ่ม BRICS ในปี 2023
1. ขนาดเศรษฐกิจ คิดเป็น 33% ของ GDP ของโลก
2. จำนวนประชากร คิดเป็น 46% ของโลก
3. พื้นที่ดิน คิดเป็น 42% ของโลก
4. การผลิตน้ำมัน คิดเป็น 46%
5. กลุ่มประเทศที่ส่งออก คิดเป็น 25% ของโลก
6. มีกองทัพถาวร 6.7 ล้านคน
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวในการกล่าวปิดท้ายว่า สิ่งที่เขาต้องการคือระเบียบโลกใหม่ที่ประชาธิปไตย ปูตินกล่าวว่าประเทศร่ำรวยมีการผูกขาดความมั่งคั่ง สินค้า และแม้แต่การตีความอุดมการณ์ของคำจำกัดความของสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และภาวะโลกร้อน ปูตินกล่าวว่าประเทศ BRICS คิดเป็น 45% ของประชากรโลก และ 35% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของโลก ดังนั้นพวกเขาจึงมีอำนาจเพียงพอที่จะรวมตัวกันต่อต้านตะวันตกที่ร่ำรวย ปูตินกล่าวว่าดอลลาร์ถูกใช้เป็นอาวุธ และเขาต้องการสร้างระบบการเงินโลกใหม่ที่ไม่ขึ้นอยู่กับดอลลาร์ และระบบโอนเงินระหว่างประเทศ SWIFT แต่ใช้สกุลเงินของแต่ละประเทศแทนโดยสร้างแพลตฟอร์มการลงทุนใหม่
สีจิ้นผิงระบุจุดยืนของจีนว่า กลุ่มพันธมิตร BRICS จำเป็นต้องปฏิรูประเบียบโลกใหม่ให้เท่าเทียม ยุติธรรม เปิดกว้าง โปร่งใส ครอบคลุม และเพิ่มการมีส่วนร่วมของประเทศกำลังพัฒนาที่มีอำนาจการตัดสินใจมากขึ้นในระบบของระเบียบโลกใหม่
กลุ่มพันธมิตร BRICS จำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อให้แน่ใจว่า ระบบใหม่มีเสถียรภาพ และเพิ่มอิทธิพลของกลุ่ม BRICS ให้สูงสุดตามการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต
กลุ่มพันธมิตร BRICS จำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรภาพของโลก
ประธานาธิบดีโมดีของอินเดียเห็นด้วยกับกรอบนโยบายและเป้าหมายของกลุ่ม BRICS
ประธานาธิบดีลูลาของบราซิลกล่าวผ่านตัวแทนว่า เขาเห็นด้วยกับการสร้างระบบการเงินโลกใหม่ที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งจะลดต้นทุนที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องจ่ายให้กับตะวันตก แต่ไม่ยกเลิกระบบการเงินแห่งชาติ
ในแถลงการณ์ปิดการประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคาซาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซียในวันที่ 22-24 ตุลาคม 2024 ได้ตัดสินใจว่ากลุ่มพันธมิตร BRICS ไม่เห็นด้วยกับระเบียบโลกเก่าที่ไม่เท่าเทียม ไม่ยุติธรรม ไม่เปิดกว้าง มีลักษณะการควบคุมของชาติตะวันตก มีมาตรฐานสองต่อ และปฏิบัติตามหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ มีความจำเป็นต้องสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ รวดเร็ว โปร่งใส ครอบคลุมประเทศกำลังพัฒนา และเปิดเสรีการเข้าถึงตลาดทั้งหมด
สมาชิก BRICS มีความกังวลอย่างยิ่งต่อการโจมตีทางทหารของอิสราเอลต่อผู้บริสุทธิ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายมากกว่า 50,000 คน และทำให้บาดเจ็บมากกว่า 100,000 คน ทั้งในฉนวนกาซา เวสต์แบงก์ของจอร์แดน และเลบานอน
เราเรียกร้องให้ยุติการจับ และปล่อยตัวประกันโดยทันทีและถาวร และปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด
นายปรเมศวร์ ตั้งสถาพร เขียนในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่ 27 ต.ค. 2567 เกี่ยวกับจุดยืนของไทย ซึ่งนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนไทย กล่าวว่า ไทยหวังว่าจะเข้าร่วมกลุ่ม BRIC ในเดือนสิงหาคมปีหน้า โดยไทยอาจช่วยเป็นสะพานเชื่อมในการฟื้นคืนจิตวิญญาณแห่งความร่วมมือ และแก้ไขระบบโลกให้ยุติธรรมและเท่าเทียมยิ่งขึ้น
ไทยจะสนับสนุนการเสริมสร้างลัทธิพหุภาคีในกลุ่ม BRICS ด้วย โดยไทยเห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่งของกรอบการทำงานระดับภูมิภาคนี้ในการเสริมสร้างจิตวิญญาณแห่งความร่วมมือ บนพื้นฐานของความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน
ไทยและกลุ่ม BRICS สามารถร่วมมือกันแก้ไขระบบโลกเพื่อให้ทำงานเพื่อทุกประเทศ ไม่ใช่แค่ประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดเท่านั้น
ไทยมั่นใจว่าสามารถมีส่วนสนับสนุนในการผลักดันเจตจำนงค์และช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนที่สร้างสรรค์มากขึ้นได้
ขณะที่ชุมชนระหว่างประเทศร่วมทำงานเพื่อโลกที่ยุติธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น เขาชี้ให้เห็นว่าการสนทนาควรครอบคลุมถึงความจำเป็นในการทบทวนสถานะปัจจุบันของสถาปัตยกรรมการเงินระหว่างประเทศ และบรรลุถึงการมีส่วนร่วมที่สมดุล
“ในด้านระบบการเงินระหว่างประเทศนั้น ประเทศกำลังพัฒนาควรตอบสนอง และช่วยให้เกิดความปลอดภัยทางสังคม การจัดการวิกฤต การเติบโตอย่างยั่งยืน สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองที่มากขึ้นสำหรับทุกคน”
ดังนั้น เขากล่าวว่าประเทศไทยเชื่อว่ากลุ่มประเทศ BRICS สามารถเป็นกระบอกเสียงให้กับเศรษฐกิจกำลังพัฒนาและเศรษฐกิจเกิดใหม่ และทำหน้าที่เป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงพลวัตของการบริหารการเงินเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อทุกประเทศ
จากประสบการณ์อันเจ็บปวดในอดีตของวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย กรณีต้มยำกุ้ง ประเทศไทยจึงเสนอให้สร้างการทำงานร่วมกันในแพลตฟอร์มระหว่างประเทศต่าง ๆ เพื่อผลักดันวาระการปฏิรูปของการประชุมครั้งนี้
นายมาริษ กล่าวว่า เขายังมองไปข้างหน้าถึงความเป็นไปได้ที่สมาชิกกลุ่ม BRICS จะเข้าร่วมในกรอบความร่วมมือเอเชียด้วย
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก