สียดายโอกาสยุติสงครามในตะวันออกกลาง 

โดย “รุ่งอรุณ”

ขณะที่ความสนใจของคนทั้งโลกเพ่งไปที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) ได้ฉวยโอกาสปฏิบัติการสะท้านการเมืองภายในด้วยการสั่งปลดรัฐมนตรีกลาโหม นายโยอัฟ กัลแลนต์ (Yoav Gallant) ออกจากตำแหน่ง.
คนที่ติดตามข่าวสงครามสู้รบในตะวันออกกลาง มักได้เห็นภาพนายโยอัฟ กัลแลนต์ในที่ประชุมกำหนดนโยบาย, ยุทธศาสตร์ยุทธวิธี และแผนการโจมตีกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน รวมทั้งการตรวจภาคสนามร่วมกับทหารในแนวสู้รบ.
นายเนทันยาฮูให้สัมภาษณ์ว่า ท่ามกลางสงคราม นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมต้องมีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่ ในช่วงเดือนแรก ๆ ของสงครามกับกลุ่มฮามาสตั้งแต่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2023 ทั้งสองคนเชื่อถือซึ่งกันและกัน และสร้างผลลัพธ์ออกมาได้ดี แต่ช่วงเดือนหลัง ๆ ความเชื่อมั่นกลับแตกสลายไป.
นายเนทันยาฮูเสริมเพิ่มเติมว่าทั้งสองคนขัดแย้งใน “วิธีการบริหารจัดการสงคราม” ควบคู่ไปกับการกระทำและคำพูดที่ขัดแย้งกับการตัดสินใจของรัฐบาล ความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันถูกบ่อนเซาะในหลายเดือนที่ผ่านมา.
ส่วนนายกัลแลนต์ให้สัมภาษณ์ว่า เขาขัดแย้งกับนายเนทันยาฮูใน 3 ประเด็นหลัก คือ
1. นายกัลแลนต์เชื่อว่าเป็นไปได้ที่จะนำตัวประกันที่เหลือออกจากฉนวนกาซาได้โดยเร็วที่สุด หากอิสราเอล “ยอมถอยด้วยความเจ็บปวด” ซึ่งอิสราเอลสามารถยอมรับได้ และกองทัพอิสราเอลก็ยอมรับได้ด้วยเช่นกัน.
2. นายกัลแลนต์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่อนุญาตให้คนอิสราเอลที่นับถือนิกายออธอดอกซ์สุดโต่งไม่ต้องเข้าเป็นทหารรับใช้ชาติ ขณะที่คนอิสราเอลที่มีความเชื่อต่างออกไปล้วนต้องเข้ารับราชการเป็นทหาร สู้รบในแนวหน้า.
3. นายกัลแลนต์เห็นควรที่จะตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนระดับชาติเพื่อสรุปบทเรียนของการเกิดสงคราม และการดำเนินสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา และเลบานอน.
นอกจากนี้ นายกัลแลนต์ยังขัดแย้งกับนายเนทันยาฮูในประเด็นการบริหารจัดการฉนวนกาซา หลังสงครามยุติลง เขาต้องการให้เนทันยาฮูประกาศอย่างเปิดเผยว่า อิสราเอลไม่มีแผนการที่จะยึดอำนาจการปกครอง และอำนาจทางทหารในฉนวนกาซา ซึ่งกัลแลนต์ได้หยิบยกปัญหานี้เสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหลายครั้ง แต่เนทันยาฮูไม่ได้ตอบสนอง.
นายเนทันยาฮูกล่าวว่า เขาไม่พร้อมที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงกลุ่มผู้ปกครองฉนวนกาซา จากกลุ่มฮามาสเป็นกลุ่มฟาตาห์ (Fatah) ที่ปกครองอยู่ในเขตเวสแบงค์ของฉนวนกาซาเช่นกัน.
ความขัดแย้งของทั้งสองคนสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายเนทันยาฮูที่ต้องการจะยืดสงครามกับกลุ่มฮามาส และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ออกไป โดยให้ความสนใจกับการนำตัวประกันกลับคืนสู่อิสราเอลเป็นเรื่องรอง ส่วนนายกัลแลนต์ที่ใช้ชีวิตอยู่กับการทำสงคราม เห็นความตายและการบาดเจ็บของทหารอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ต้องการยุติสงครามโดยเร็วที่สุด นำตัวประกันกลับคืน แล้วถอนทหารออกจากฉนวนกาซา เขาไม่มีความคิดที่จะยึดครองฉนวนกาซา.
นายเนทันยาฮูมีผลประโยชน์ทับซ้อนแอบแฝงในการทำสงครามยืดเยื้อ เขาถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาฉ้อโกงรับสินบนหลายคดี หากสงครามยุติ เขาต้องเผชิญการตัดสินคดี และสิ้นสุดอำนาจทางการเมือง.
นอกจากนี้ นายเนทันยาฮูอาจยังมีเป้าหมายแฝงเร้น นั่นคือการเพิ่มพื้นที่ยึดครองในฉนวนกาซา และชายแดนด้านเหนือที่ติดกับภาคใต้ของเลบานอน และอิสราเอลกำลังทำสงครามกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเวลานี้.
ฐานสนับสนุนทางการเมืองของเนทันยาฮูมาจากกลุ่มพรรคการเมืองขวาจัดของอิสราเอลหลายกลุ่ม ที่ต้องการขยายพื้นที่นิคมทางการเกษตรของชาวยิว โดยเฉพาะในดินแดนที่ติดกับเลบานอน เขาเสนอที่จะผลักดันกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ให้ถอยห่างออกจากเส้นเขตแดนปัจจุบันราว 30 กิโลเมตร.
นายนาอิม กัสเซม (Naim Qassem) เลขาธิการใหญ่คนใหม่ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์กล่าวสุนทรพจน์ว่า นายเนทันยาฮูจะไม่ยอมหยุดรุกรานเลบานอน เขาต้องการครอบครองเลบานอน และทำลายล้างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์.
นายอิสราเอล คาทซ์ (Israel Katz) รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ ซึ่งสังกัดกลุ่มขวาจัด และคาดว่าเขาเป็นสายเหยี่ยวยิ่งกว่านายกัลแลนต์ ประกาศเป้าหมายการทำสงครามในตะวันออกกลางว่า
1. คือการช่วยตัวประกันกลับคืน ซึ่งถือเป็นภารกิจทางศีลธรรมสำคัญที่สุด.
2. ทำลายล้างกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา.
3. รบชนะกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน.
4. จำกัดควบคุมความก้าวร้าวรุกรานของอิหร่าน.
5. และให้ผู้อยู่อาศัยในนิคมการเกษตรของอิสราเอลในภาคเหนือติดเลบานอน และภาคใต้ติดฉนวนกาซา กลับคืนถิ่นฐานบ้านช่องโดยปลอดภัย.
หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 เขาไม่ได้ประกาศชัดว่าจะยุติสงครามในตะวันออกกลาง เหมือนที่เขาประกาศว่าจะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมง ทรัมป์เคยประกาศขณะหาเสียงว่าเขาพร้อมสนับสนุนอิสราเอลโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งต่างจากนโยบายของไบเดน และคามาลา แฮริส.


ความเป็นไปได้ของสงครามในตะวันออกกลาง
ขณะนี้ สงครามในตะวันออกกลางยังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น อิสราเอลส่งทหารบุกเข้าไปในดินแดนเลบานอน เพื่อกำจัดกลุ่มฮามาส พร้อมทั้งยิงจรวด, ขีปนาวุธ, โดรน, ปืนใหญ่ และทิ้งระเบิดใส่เลบานอนอย่างไม่ยั้ง จนมีคนตายไปราว 3,000 กว่าคน และบาดเจ็บอีกมากกว่า 12,000 คน ไม่รวมความเสียหายทางวัตถุ และจิตใจอีกนับไม่ถ้วน.
ส่วนในฉนวนกาซา อิสราเอลยังสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์จากเมืองหนึ่งสู่อีกเมืองหนึ่ง แล้วทิ้งระเบิด ส่งอากาศยานไปโจมตีตามจุดที่คาดว่าจะมีนักรบฮามาสซ่องสุมกำลัง ชาวปาเลสไตน์ตายไปมากกว่า 40,000 คน บาดเจ็บอีกนับแสนคน ชาวบ้านต้องอพยพจากถิ่นฐานมากกว่า 1.2 ล้านคน.
สงครามที่ผ่านมาปีเศษ ๆ อิสราเอลสังหารผู้นำกลุ่มฮามาสทั้งฝ่ายการเมือง และการทหารไปจนเกือบหมดรุ่นผู้นำเก่า ขณะที่ผู้นำทางการทหารและการเมืองของฝ่ายฮิซบอลเลาะห์ก็ถูกเด็ดชีพไปไม่แพ้กัน.
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว กลุ่มฮามาสได้แสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องการยุติการสู้รบ หาทางหยุดยิงผ่านประเทศอียิปต์ และกาตาร์ ซึ่งเป็นคนไกล่เกลี่ยหาข้อยุติสงคราม ประจักษ์ชัดว่ากลุ่มฮามาสอ่อนล้า และขาดแคลนผู้นำทั้งทางทหารและพลเรือนรุ่นใหม่ แต่เนทันยาฮูไม่ตอบสนอง ยังเดินหน้าทำสงครามกวาดล้างกลุ่มฮามาส และฮิซบอลเลาะห์ต่อไป โดยไม่ได้คำนึงถึงการสูญเสียชีวิตของทหารและพลเรือนทั้งสองฝ่าย.
สงครามจรวด ขีปนาวุธ และโดรนระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ดำเนินมาแล้ว 2 ยก อิหร่านโจมตีอิสราเอลเพื่อแก้แค้นอิสราเอลที่ลอบสังหารผู้นำทางทหารของอิหร่านในซีเรีย และลอบสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ​(Ismail Haniyeh) ผู้นำทางการเมืองของกลุ่มฮามาสในเมืองหลวงของอิหร่าน ส่วนอิสราเอลโจมตีตอบโต้กลับโดยมุ่งเป้าหมายทางการทหารของอิหร่านเช่นกัน ขณะนี้ โลกกำลังจับตาว่าอิหร่านจะโจมตีอิสราเอลกลับอีกเมื่อไหร่ ซึ่งประธานาธิบดีอิหร่านแถลงว่า อิหร่านจะไม่โจมตีอิสราเอล หากอิสราเอลยุติการทำสงครามในฉนวนกาซา และเลบานอน พร้อมถอนทหารออกจากดินแดนทั้งสอง.
สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน แม้จะจำกัดขอบเขตการโจมตีซึ่งกันและกัน แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงรักษาเกียรติภูมิที่จะไม่ถูกกล่าวหาว่า “ปอดแหก” หรือ “ใจปลาซิว” ยกใหม่ของการโจมตีใส่กันจึงเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ.
ชัยชนะของทรัมป์ไม่ได้ให้ความหวังที่จะเห็นการยุติสงครามในตะวันออกกลางเช่นกัน ทรัมป์มุ่งเป้ากำราบอิหร่านมิให้ตอบโต้อิสราเอล ซึ่งไม่น่าจะมีน้ำหนักในการยับยั้งการตอบโต้ของอิหร่าน.
สถานการณ์โลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงจากการขึ้นสู่อำนาจครั้งใหม่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ แต่สงครามในตะวันออกกลางยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสู่เส้นทางสงบศึก.

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก