สงครามรัสเซีย-ยูเครน ขยายวง : จะไปต่ออย่างไร 

โดย “สันติภาพ สากลนิยม”

ทันทีที่ ปธน.โจ ไบเดน ได้เซ็นอนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ ขีปนาวุธพิสัยกลางที่สหรัฐส่งให้กับยูเครนยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซียได้ รัฐบาลยูเครนของนายเซเลนสกี้ก็ไม่รอช้านำขีปนาวุธ ATACMS missiles ยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซีย รวมทั้งได้ยิงขีปนาวุธ Storm Shadow cruise missiles ของอังกฤษ และ Scalp ของฝรั่งเศสอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ ปธน.เซเลนสกี้ได้ขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่าให้รัฐบาลสหรัฐและชาติตะวันตกอนุญาตให้ตนใช้ขีปนาวุธที่ตนได้รับ ยิงเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ทางรัสเซียจึงได้ตอบโต้กลับด้วยขีปนาวุธพิสัยกลาง (midrange Ballistic Missile) ชื่อ Oreshnik missile ที่มีคามเร็วเหนือเสียง (5 เท่า) และติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ ยิงใส่ที่มั่นทางทหารของยูเครน เพื่อที่จะบอกต่อชาติตะวันตกว่า รัสเซียพร้อมจะเล่นหนักแล้วหากยังให้ยูเครนใช้อาวุธของชาติ NATO ยิงเข้าไปในดินแดนของรัสเซียอีก ทั้งสำทับว่าการยิงครั้งนี้ถือเป็นการทดสอบ และจะทดสอบต่อไป พร้อมกับจะผลิตจำนวนเพิ่มให้มากขึ้นอีก
ก่อนจะเกิดเหตุที่ ปธน.โจ ไบเดน เซ็นอนุมัติดังกล่าว เริ่มมีข่าวจากทางการเกาหลีใต้ที่อ้างแหล่งข่าวกรองของตนว่า มีทหารเกาหลีเหนือซ้อมรบอยู่ในรัสเซีย และจะถูกส่งไปสู้รบกับยูเครน ณ เวลานั้นบอกว่า 1,500 นาย ข่าวนี้ถูกนำไปกระพือต่ออย่างเร็ว โดยผู้รับไม้ต่อคือผู้นำประเทศนาโตบางประเทศ ประธานาธิบดีเซเลนสกี้ก็อ้างแบบเห็นกับตาว่า มีทหารของเกาหลีเหนือเข้ามารบแล้ว และได้ปะทะกับทหารของยูเครน มีบางส่วนถูกสังหารไป แต่มิได้ระบุชัดเจนว่าที่ไหน อย่างไร สื่อตะวันตกออกข่าวมาสนับสนุนการแถลงของกลุ่มประเทศ NATO โดย BBC ได้รายงานข่าวว่า พบร่องรอยการลำเลียงน้ำมันจากรัสเซียไปยังเกาหลีเหนือทางทะเลปริมาณร่วมล้านบาร์เรล ในระยะหลายเดือนที่ผ่านมา และตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนจากการที่เกาหลีเหนือส่งทหารของตนไปช่วยรัสเซียรบ ส่วนหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ก็รายงานว่า ขีปนาวุธสหรัฐที่ยูเครนยิงในรัสเซีย ได้ทำให้นายพลในระดับสูงที่ใกล้ชิดกับนายคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
รายงานข่าวเหล่านี้เจือผสมกับข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อไม่นานวันนี้ รัสเซียและเกาหลีเหนือได้ลงนามความร่วมมือด้านความมั่นคงต่อกัน และมีข่าวว่าเกาหลีเหนือได้ร้องขอระบบป้องกันขีปนาวุธจากรัสเซียมาติดตั้งในประเทศของตน จึงเป็นเหตุผลให้กลุ่มชาติ NATO โดยเฉพาะสหรัฐ อังกฤษและฝรั่งเศส มีข้ออ้างเปิดไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของตนยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซีย โดยอ้างว่าการมีทหารเกาหลีเหนือร่วมรบในส่งครามนี้ เป็นการล้ำเส้นและละเมิดมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ
ข้อมูลเรื่องทหารเกาหลีเหนือที่ออกมาจากปากผู้นำประเทศตะวันตก และเกาหลีใต้ โดยเฉพาะจากปากของ ปธน.เซเลนสกี้ แห่งยูเครนแล้ว ทั้งฝ่ายรัสเซียและเกาหลีเหนือก็ไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ยอมรับว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่
นอกจากนี้ ปธน.โจ ไบเดน ยังอนุมัติความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครนอีก 75,000 ล้านดอลลาร์ ในเวลาต่อมา
ปธน.โจ ไบเดน ทิ้งทวนช่วยยูเครนรบรัสเซียเต็มสูบ : วางยาโดนัล ทรัมป์ หรือแยกกันเดินรวมกันตี (Good cop vs. Bad cop)
การกระทำของ ปธน.โจ ไบเดน ดังกล่าว ย่อมสวนทางกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการยุติสงครามและถอนความช่วยเหลือทางทหารออกจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า การที่ ปธน.โจ ไบเดน ทิ้งทวนยอมให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธยิงเข้าไปในรัสเซีย พร้อมเพิ่มงบทางทหารอีก 75,000 ล้านดอลลาร์ เป็นการวางยาให้ประธานาธิบดีคนใหม่ คือนายโดนัล ทรัมป์ ต้องแคะปมแก้ปัญหาที่จะยุ่งยากขึ้น หรือเป็นการรู้เห็นเป็นใจกันของทั้งคู่ โดยมีข้อสังเกตว่านายโดนัล ทรัมป์ และทีมบริหารไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย ยกเว้นแต่ลูกชายของทรัมป์ที่ได้ประณามการกระทำของนายไบเดนอย่างรุนแรง แต่ดูจะไม่มีน้ำหนักว่าฝ่ายของทรัมป์จะคัดค้านอย่างหนักแน่นแต่อย่างไร
เรื่องนี้น่าจะพอมองออกว่าผู้กำหนดเกมส์นี้น่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่เหนือประธานาธิบดีและระดับบริหารของประเทศ โดยน่าจะมาจากฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐ หรือ Pentagon และกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายการต่างประเทศตัวจริงของสหรัฐ ซึ่งหากดูจากการเดินเกมส์ดังกล่าวน่าจะมีเหตุผลว่าการทุ่มความช่วยเหลือในห้วงเวลานี้ ก็หวังจะสร้างแต้มต่อให้ยูเครนมีโอกาสดีโต้ได้พื้นที่ที่ถูกยึดไปคืนมาบ้างบางส่วนไม่มากก็น้อย และเมื่อถึงเวลาต้องเจรจาหยุดยิงและยุติสงคราม แต้มต่อของยูเครนจะได้ไม่น้อยเกินไป เหตุนี้จะทำให้ ปธน.เซเลนสกี้ยอมรับและขึ้นโต๊ะเจรจาเพื่อยุติสงคราม ทางรัสเซียก็ได้แบะท่าแล้วว่าพร้อมเจรจาบนสถานะที่พื้นที่ที่ยึดอยู่ยังไงก็ต้องเป็นอย่างนั้น และต้องไม่ให้ยูเครนเป็นสมาชิกนาโต้
สถานการณ์ความรุนแรงจะเป็นอย่างไรต่อไป นักวิเคราะห์การต่างประเทศบางคนได้เสนอแนววิเคราะห์ไว้สาม scenario (ฉากทัศน์) ได้แก่
ฉากทัศน์ที่ 1 รัสเซียตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางชนิดที่เพิ่งยิงไปอีกหลายหลายลูก พุ่งเป้าไปยังฐานทัพและที่เก็บอาวุธทางการทหารที่ยูเครนได้รับมาจากนาโต้ (ที่รวมทั้งขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐและ Storm Shadow ของอังกฤษ/ฝรั่งเศส) รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน แต่ไม่น่าจะถึงขั้นยิงเข้าไปในดินแดนของประเทศนาโต้
ฉากทัศน์ที่ 2 รัสเซียเลือกที่จะไม่ยิงเพิ่มเติม รอดูท่าทีของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐคือนายโดนัท ทรัมป์ ว่าจะมาร่วมยุติสงครามอย่างไร แต่กรณีนี้อาจเป็นไปได้ยากขึ้นหากปล่อยให้ยูเครนยังคงใช้ขีปนาวุธของนาโต้ยิงเข้าใส่ดินแดนของรัสเซีย และว่าที่ ปธน.ทรัมป์ ไม่มีท่าทีในเชิงบวกต่อการจะยุติสงคราม
ฉากทัศน์ที่ 3 รัสเซียตัดสินใจใช้หัวรบนิวเคลียร์ในระดับยุทธวิธี ยิงเข้าทำลายเป้าหมายทางการทหารและพลังงาน ซึ่งแม้จะมีความเป็นไปได้ต่ำ แต่หาก scenario ที่ 2 ไม่มีโอกาสเกิดขึ้น และนายทรัมป์กลับท่าทีของตนหันไปหนุนยูเครนสู้กับรัสเซียอย่างเต็มที่
เรื่องราวจะลงเอยอย่างไรนั้นมองได้ว่า ไม่มีประเทศใด รัสเซีย หรือฝ่าย NATO ที่พร้อมจะรับมือกับสงครามอาวุธนิวเคลียร์ แต่สถานการณ์ที่ทั้ง 2 ฝ่ายยกระดับสงครามขึ้นอีกขั้นหนึ่งก็มีความสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความยุ่งยากในการยุติสงคราม การยิงขีปนาวุธใส่พื้นที่ของฝ่ายตรงข้ามยังมีอีกได้ แต่น่าจะเป็นการหยั่งเชิงและทดสอบอาวุธของกันและกัน มากกว่าห้ำหั่นเอาชนะแบบแตกหัก และเป็นเกมส์ชักคะเย่อให้แต่ละฝ่ายได้เปรียบในเชิงครอบครองพื้นที่ยึดครองให้มากที่สุด
เราหวังว่าเมื่อนายโดนัล ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีเต็มตัว สงครามนี้จะไปจบที่โต๊ะเจรจาและยุติลงในที่สุด.

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก