หากมีรัฐประหารอีก ทำไงดี

คอลัมน์ เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ผู้เขียน “อดีต จุฬา-ประชาชน”

 

ยังคิดได้ไม่ทะลุปรุโปร่ง แต่เรื่องนี้อยากเสนอให้ช่วยกันคิดไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่อาจเชื่อมั่นชนชั้นปกครองได้ ถ้าอำนาจต่อรองของพลเมืองไม่เข้มแข็ง

ปี 2518 ต่อ 2519 พูดเรื่องนี้คิดเรื่องนี้กันหลายครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยได้เรื่อง
เคยนั่งรถเมล์วนไปมาก็หลายครั้งในวันที่มีข่าวลือ แล้วก็ไม่มีอะไร พอเกิดเรื่องจริงสถานการณ์ก็ไม่ใช่แบบที่เคยคิดไว้
จำได้ว่า เคยมีรุ่นพี่เสนอให้สนใจตู้ชุมสายโทรศัพท์เล็ก ๆ ริมถนน ไม่ใหญ่ สีเขียว ไม่ใช่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ในมุมที่อาจจะทำให้การติดต่อสื่อสารสะดุดหยุดชะงัก สมัยนั้นยังไม่มีมือถือ โทรศัพท์บ้านก็ยังไม่มาก ซึ่งก็อาจไม่ส่งผลอะไรเลย เมื่อเทียบวันนี้ ก็ไม่รู้จะเทียบกับอุปกรณ์อะไร แต่เป็นมุมนึงละที่น่าคิด
เมื่ออยู่ป่า เรื่องนึงที่ผมชอบมาก คือการเตรียมความคิด เรื่องนี้น่าจะมาปรับใช้ได้ จะได้ช่วยให้ไม่แตกตื่น ไม่ประหลาดใจ ไม่ห่อเหี่ยว ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่เคยคิดไว้ก่อน (ไม่จำเป็นต้องเตรียมความคิดเฉพาะเรื่องรบ)
ดังงานความคิดหลัง 6 ตุลาใหม่ ๆ ก็ไม่ง่าย แม้จะมีความเคียดแค้นเป็นต้นทุน แต่ผลโดยรวมก็ไปในทิศทางเดึยวกันได้
มีเพื่อนที่หายไป ตามหากันไม่เจอ ก็ไม่แน่ใจว่าตายหรือเปล่า ซึ่งก็สะท้อนความเข้มแข็งของการจัดตั้งในช่วงตึงเครียด
หลายครั้งที่เกิดรัฐประหาร รสช. คมช. คสช. ก็ไม่ได้คิดเตรียมการไว้ก่อน
ผู้มีบทบาทสาธารณะ จะเปิดเผยตัวหรือจะหลบ อะไรจะเป็นประโยชน์กว่ากัน ถ้าหลบก็ต้องไม่ให้หาเจอ ที่ไหนล่ะ ไม่ได้คิดไว้ก่อน แล้วหลบนานได้เท่าไรล่ะ ก็เป็นอีกเรื่อง แล้วก็คิดอีกว่าหลบเฉย ๆ ไม่ทำอะไร ก็ไม่มีประโยชน์ มากกว่านั้นถ้าเปิดเผยตัว ถูกเรียกไปแสดงตัว จะพูดอะไร จะทำอะไร ไม่ได้เตรียมใจติดคุกติดค่ายไว้ก่อน ไม่ได้เตรียมประโยคที่จะเป็นประโยชน์ในขณะนั้นไว้
ผมเองเคยถูกจับเมื่อ 2518 ก็ยังกลัวถูกซ้อมถูกขู่ เพราะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน
กว้างกว่านั้น เมื่อไม่ได้มองเพียงปัจเจก จะต่อต้านการยึดอำนาจอย่างเป็นขบวนอย่างไร งานในเมืองก่อนเข้าป่าเรื่องนี้ก็หลวม
สมัยก่อนการชุมนุม ยังไม่มี Flash Mob ยังไม่ได้คิดการชุมนุมจรยุทธ เรื่องสถานที่ การเคลื่อนตัว การส่งข่าว การนัดหมาย และปัจจัยต่าง ๆ ยังไม่พัฒนาเหมือนสมัยใหม่ การเดินทาง ยานพาหนะ การทำข่าว การเสนอข่าว สมัยนี้ต่างจากสมัยก่อนเยอะ แต่ก็อีกนั่นหละ เกิดรัฐประหารขึ้นมา อาจฝุ่นตลบ หรือวังเวง
สมัยก่อน การชุมนุมยังต้องคิดว่า คนอยากร่วมหรือไม่อยากเพราะอะไร ทั้ง ๆ ที่กระแสยังสูง เพราะเรื่องกล้าเรื่องกลัวแต่ละยุคสมัยคงจะไม่ต่างกันนัก ไม่ว่ากระแสสูงหรือต่ำก็มีคนไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม จึงต้องคิดหาทางสู้ไว้หลาย ๆ ทาง
ยุคนึ้ผมเองก็ไม่รู้ว่าการจะใช้โซเชียลมีเดีย จะถูกตรวจสอบได้ง่ายยากเร็วช้าเพียงใด ควรต้องเตรียมอะไรในเรื่องนี้ไว้บ้าง ทั้งเรื่องหลบการตรวจสอบได้ ทั้งเรื่องถ้าถูกตัดสัญญาณ เตรียมก่อนเกิดรัฐประหาร จะได้ไหม จะดีไหม หรือไม่ดี เพราะอะไร ผมก็ไม่รู้ ไม่ได้รับการฝึกอบรม
ในอดีตหลายสิบปีก่อน ในเมือง เคยมีพรรคพวกบางคนคิดอยากใช้ปืนสั้นเล็ก ๆ ตอบโต้บาง สถานการณ์ ผมรีบห้ามเลยตั้งแต่สมัยนั้น ไม่ใช่ผมสันติวิธี แต่ความคิดใช้ของที่ไม่ได้ฝึกฝน และเป็นของกระจอกงอกง่อย หากใช้เพระความเคียดแค้นก็โง่ และเสียหายประชาชน
ในสถานการณ์วิกฤต ในจังหวะต่าง ๆ ที่ความวิกฤตต่างระดับกัน จะติดต่อพี่น้องเครือข่ายได้ยังไง ด้วยวิธีไหน ถ้าถูกสแกน ถูกเพ่งเล็ง ถูกติดตาม จะวางแผนสำรองยังไง
ยิ่งกว่านั้น ถ้าความเครียดในสังคมสูงขึ้นมาก มีคนถูกจับ มีคนถูกฆ่า มีจลาจล มียิงกัน ถึงขั้นมีสงครามกลางเมือง เราเองยังไม่เคยหนักถึงขั้นนั้น แต่ก็มีเฉียด ๆ อยู่บ้าง จึงยังไม่มีประสบการณ์ตรงว่าทำยังไงดี
อีกอย่างความสับสนของประชาชน ที่เกิดจากการปล่อยข่าว การบิดเบือนทำลายของนักรบรับจ้าง คีย์บอร์ด เดี๋ยวนี้เยอะ จะตอบโต้แก้ข่าวยืนยันความจริงยังไง
ถ้าถึงขั้นสื่อสมัยใหม่ถูกตัดขาด แบบบางสถานการณ์ในบางประเทศ ที่เคยเกิดขึ้นแล้ว
หลายอย่างที่ว่ามา คงขึ้นกับความเข้มแข็งหรืออ่อนแอ ของขบวน ของเครือข่าย ยอมรับว่า ผมอาจโน้มเอียง “เยอะ” แต่ยังคงคิดว่าจำเป็นครับ

 

 

โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก