ทางแยก - ไหมลี (๑๙)
สิ่งที่ไหมกังวลเริ่มส่อเค้าเป็นจริง
“วันนี้ฉันจะไปบ้านผู้ใหญ่ น่าจะนานหน่อย ผู้พันเขาชวนไปคุย ...”
พ่อบอกแม่ตอนสายๆวันก่อน แม่ตอบอือคำเดียว สีหน้าไม่สู้ดีนัก
“พวกพี่ๆได้ข่าวมั้ย ปลายปีที่แล้วนักศึกษาหนีเข้าป่าไปเป็นคอมมิวนิสต์กันเยอะเลย”
ผู้พันจักรกึ่งเล่ากึ่งถามในวงคุย ผู้ใหญ่พยักหน้าหงึกๆตอบ ...
“ได้ข่าวเหมือนกัน คงไม่ได้มาอยู่บนดอยแถวบ้านเรามั้ง”
“ตามข่าวนี่ เขาไปอยู่หลายที่เลยแหละ” ผู้พันว่า
“นักศึกษาพวกนี้หนีมาอยู่ป่าอยู่เขาคงลำบากน่าดู คิดๆก็สงสารนะ”
“เออ ... พี่หยู่ฉัวทำไร่ไกลกว่าเพื่อน เคยเจอบ้างมั้ย” ผู้พันยิ้มๆ พูดเหมือนดักทาง
พ่อไหมตอบสั้นๆ
“ไม่เคยเจอ ...”
“ยังไงถ้าได้เจอ ไม่ว่าจะเป็นผกค.ทั่วไปหรือผกค.นักศึกษา พี่อย่าลืมบอกผมนา” ผู้พันหยอด
“หยู่ฉัวเจอแล้วมั้งแต่ไม่ยอมบอก ...”
เหล่าพั่ง ที่ใครๆก็รู้ว่าเป็นสายให้ทหารพูดแหย่ตรงๆ
“นั่นน่ะซิ ... ระวังนะลูกสาวก้อน่ะสวยซะด้วย คอมมิวนิสต์หนุ่มๆเห็นเกิดติดใจขึ้นมาล่ะยุ่งเลย”
เหล่ายาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แหย่มั่ง พ่อไหมทำหน้าเฉยไม่ต่อปากต่อคำ
“พวกก้อนี่ ... พูดเป็นเรื่องเล่นๆไปได้”
ผู้ใหญ่ตัดบทดุๆ ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย
กลับจากบ้านผู้ใหญ่วันนั้น พ่อไม่ได้เล่าอะไรให้ไหมและแม่ฟัง
บอกแค่ว่า พวกผู้ชายไปนั่งคุยสัพเพเหระกัน
ไหมสังเกตว่าพ่อดูเงียบๆไป เหมือนมีเรื่องคิดในใจ
เธอถามแม่ แม่ก็รู้สึกคล้ายกัน
“ผู้ใหญ่กับผู้พันชวนไปคุยอยู่เรื่อย เดือนนี้ ๒-๓ ครั้งแล้ว” แม่ว่า
“หน่า(แม่) ... พรุ่งนี้เราไปไร่ข้าวกัน เผื่อเจอวือฉันจะลองถามดูวืออาจพอรู้ว่าวันนั้นพวกเขาคุยอะไร”
รุ่งขึ้นแม่บอกพ่อว่า ...
“ฉันจะขึ้นไปดูข้าวบนไร่กับไหมสักหน่อย เผื่อจะเกี่ยวเอามาคั่วทำเบล้ชะได้ ...”
พ่อพยักหน้าไม่พูดอะไร
ต้นก๋งเรียงรายริมทาง ดอกเขียวแกมน้ำตาลชูช่อสูงเอนลู่ลม
ใกล้ทางขึ้นไร่เหล่าวือ ไหมลุ้นในใจให้เจอเขา
แต่ ... จนสุดทางดงหญ้าก๋งเลยทางขึ้นไร่มาแล้ว ไม่มีแม้เงาเจ้าของไร่
ไหมถอนใจด้วยความผิดหวัง
คิดวนเวียนเรื่องพ่อ ปนเปกับเรื่องตัวเองตลอดทาง
มาถึงไร่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่เงยหน้ามองขึ้นไป
เห็นข้าวเหลืองแกมเขียวเกือบทั้งไร่
“วือคงไม่มา ...” ไหมบอกแม่
“อือ ... เราเกี่ยวข้าวเอาลงไปคนละเป๊อะละกัน”
แม่ว่า ยื่นหวู (ที่เกี่ยวข้าวของม้ง) ให้ไหมก่อนเดินนำไป
ไหมกับแม่ช่วยกันเกี่ยวข้าวจนเต็มเป๊อะ
“หน่า ... เดี๋ยวกินข้าวแล้วหน่ากลับก่อนละกัน ฉันค่อยตามไปตอนเย็นๆนะ”
แม่ไม่พูดอะไร เดินอ้อมไปหลังตุ๊บเก็บพริกมากำมือหนึ่ง
คว้าครกไม้ไผ่ที่วางคว่ำอยู่บนแคร่ เอามือปัดๆเคาะๆไล่ฝุ่น
ก่อนเทเกลือในห่อใบตองที่ติดมาจากบ้าน ใส่พริกทั้งหมดลงไป
เอาด้ามมีดพกบดๆสามสี่รอบพอแหลก
“ตั๋วหอจ้อจัวเย๋ น้อจัวหมอ ก๊าเก่อ” แม่ว่า
(ตำพริกใส่เกลือ กินกับข้าว อร่อยที่สุด)
กว่าแม่จะกลับก็เย็นเพราะเดินไปทั่ว
ได้แตงค้างไร่ ๕-๖ ลูกกับฟักเขียวแก่จนผิวหม่น ติดมือไปเป็นกับข้าวอีกลูก
แม่เดินจ้ำไปข้างหน้าพักหนึ่งแล้ว ไหมตามไปเอื่อยๆ
อดไม่ได้ที่จะมองเมื่อถึงทางขึ้นไร่ของเหล่าวือ
“กลับแล้วเหรอ ...” ไหมสะดุ้งโหยง แต่ในใจสว่างวาบ
เธอหันไปตามเสียงทัก เผลอยิ้มให้เจ้าของเสียง
“อ่อ ...”
เหล่าวือยืนหลบข้างป่าหญ้าตรงปากทางขึ้นไร่
สีหน้างุนงงเหรอหราของเขา ทำให้ไหมรีบหุบยิ้ม
“เอ่อ ๆ ... วือ ... วือ ฉันถามอะไรหน่อยสิ” ไหมตะกุกตะกัก
“เอ่อ ... วันก่อนพ่อฉันไปคุยกับทหารที่บ้านเธอ เธออยู่ไหม”
“ทำไมเหรอ ... ”
“พ่อฉันดูแปลกๆ เหมือนมีอะไรในใจ แม่เลยให้ฉันมาถามเผื่อเธอจะรู้เรื่อง”
“ฉันไม่ได้อยู่บ้านวันนั้น แต่จะลองถามพ่อให้ ... ไม่แน่ใจนะว่าจะได้เรื่องไหม”
ท่าทีนิ่งๆของเขาทำให้ไหมใจแฟบ เธอแข็งใจตอบ
“ฉันจะรอ ขอบใจมากนะ”
ตะวันยามเย็นโรยแสงหม่นมัว ...
เสียงย่ำเท้าตามมาห่างๆ จนถึงทางแยก
ก่อนเข้าบ้าน ไหมหันไปมอง เห็นเพียงหลังของเหล่าวือ
เขาตามมาส่งเธอแล้วแยกกลับไปเงียบๆ เหมือนเดิม
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก