ทางแยก   -   ไหมลี   (๒๔)

“น่อเป๊โจ่ว” ปีนี้ที่หมู่บ้านจัดเร็วกว่าปีที่แล้ว

ฉางมาขะยั้นขะยอไหมให้ไปเป็นเพื่อนป๋อค้อนั้ง เหมือนเดิม

แม่สนับสนุนด้วยการขนเสื้อใหม่ กระโปรงใหม่ ที่แม่ลงมือทอเย็บปักให้ไหมโดยเฉพาะ

และค้นเอาเครื่องประดับประดามีที่เก็บๆไว้มาให้ไหมใส่ จนหนักอึ้งไปหมด

“ไปเหอะ อยู่บ้านเหงาๆทำไม เป็นสาวก็ต้องออกไปสนุกสนานซิ เผื่อเจอหนุ่มถูกใจ” แม่ว่า

 

ฉางกรี๊ดกร๊าดชอบอกชอบใจที่เห็นไหมยอมแต่งตัว

แต่ตัวไหมเองกลับเดินหงอยๆ ตามฉางไปที่ลาน

“ทำหน้าตาให้ดูสนุกหน่อย ... แม่เธออุตส่าห์ลงมือแต่งตัวให้ซะจนสวยเช้ง”

ไหมอือๆออๆ ส่งยิ้มแห้งๆให้ ฉางจะได้แล้วใจ

 

แดดสายส่องสว่าง ไล่ความหนาวเหน็บให้คลายลง

บนลานกว้าง หนุ่มสาวหลายคู่กำลังโยนลูกช่วงอย่างชื่นมื่น

อีกมุมของลาน เด็กผู้ชายจับกลุ่มขว้างลูกข่างไม้แข่งกันอย่างเมามัน

เน้งเดินยิ้มกริ่มตรงมาหาฉางที่ยืนหน้าบานรอ ทั้งคู่ชวนกันออกไปโยนลูกช่วง

ก่อนไป ฉางหันมาออกคำสั่งกับไหม

“มีหนุ่มมาชวนป๋อค้อนั้ง ... ไม่ต้องปฏิเสธเลยนะ”

 

ไหมเดินเลี่ยงมายืนแอบข้างพุ่มไม้ใหญ่

ใจอดนึกถึงเรื่องราวเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ได้

ป่านนี้คนคนนั้นจะอยู่ที่ไหน แห่งใด

จะรู้หรือไม่ว่าครอบครัวเธอทิ้งไร่ผืนนั้นแล้ว

จะรู้หรือไม่ว่า โอกาสที่จะได้พบกันอีกนั้น มันเป็นไปไม่ได้แล้ว

เป็นไปไม่ได้เหมือน ... เส้นทางชีวิตของเธอและเขาที่ยากจะบรรจบพบกันอีก

 

ไหมถอนใจ หันหลังเดินออกจากลานเพื่อ ... กลับบ้าน

สัญญากับตัวเองว่า ... จะคิดถึงเขาคนนั้นครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย

“ถึงเวลาตัดเรื่องเก่าๆทิ้งไปได้แล้ว”

 

“จะกลับแล้วเหรอ ...”

เสียงคุ้นหูเอ่ยทัก ไหมหยุดชะงักหาที่มาของเสียง

เหล่าวือเดินผละจากต้นไม้ใหญ่ข้างทางที่เขายืนพิงอยู่ ตรงมาหา

“ไปดูที่ทำไร่ใหม่หรือยัง ...”

ไหมส่ายหน้า เหล่าวือมองเธอด้วยสายตาเปลี่ยนไป

“กำลังคิดว่าถ้าเธอจะกลับบ้าน ฉันอยากชวนไปดูไร่แต่กลัวชุดใหม่นี่จะเปื้อนน่ะ”

“เธอไม่ไปที่ลานป๋อค้อนั้งเหรอ มาแอบตรงนี้ทำไม”

ไหมถามกลับ ไม่ตอบคำกึ่งชวนกึ่งถามของเหล่าวือ

“คิดว่าไม่ไปละ ว่าจะอยู่แถวนี้สักพักก็จะกลับบ้านเหมือนกัน” เขาว่า

 

ลมหนาวพัดโชยมา ใบไม้แห้งปลิดขั้วปลิวร่วงลงพื้น

ไหมมอง “ลูกป๊อ” (ลูกช่วง)ในมือเหล่าวือ เขาเอ่ยเขินๆ

“แม่ฉันเย็บให้ใหม่ แม่ได้เศษผ้ามาจากไหนไม่รู้ แกว่าปีนี้ฉันคงได้เจอคนถูกใจจะได้โยนลูกป๊อกัน”

“ทำไมไม่ลองไปที่ลานล่ะ เผื่อเจอคนถูกใจแบบแม่เธอว่า”

ไหมนึกอายที่หลุดปากถาม เหล่าวือยิ้มๆส่ายหน้า

“เธอจะกลับแล้วใช่ไหม ป่ะ ... ฉันก็ว่าจะกลับเหมือนกัน”

 

เหล่าวือเดินตามมาเงียบๆ จนใกล้ถึงทางแยกไปบ้านของเขา

“เธอไม่ไปป๋อค้อนั้งจริงๆเหรอ ...”

ไหมถามเขาอีกครั้ง ไม่มีเสียงตอบ เธอหยุดหันไปดู

เหล่าวือยื่นลูกป๊อมาตรงหน้า ถามเบาๆว่า ...

“เธอไปโยนกับฉันไหม ...”

 

ปุยเมฆขาว แต่งแต้มท้องฟ้าใสกระจ่าง

ลูกป๊อสีเข้มลอยสลับ รับ - ส่ง ไปมาระหว่างสองหนุ่มสาว

ยิ้มสดใสที่ส่งให้กัน บ่งบอกความแช่มชื่นเบิกบานในหัวใจ

...................................................

 

เบิกความ.

 

“ไหม” กับผู้เขียนพบกันโดยบังเอิญ เมื่อปลายปี ๒๕๖๒

เราต้องชะตากันอย่างประหลาด

 

ยิ่งเมื่อเธอรู้ว่าผู้เขียนเป็นอดีตสหาย

ไหมตื่นเต้น สีหน้าสายตาของเธอเปล่งประกายคล้ายสาวน้อย เมื่อตั้งคำถาม ...

“ก้อ (เธอ)เคยเป็นสะล้า (สหาย) รู้จักสหายมุ่งมั้ย”

 

แล้วเธอก็ค่อยๆบรรยายภาพของสหายมุ่ง

พร้อมเรื่องราวในความทรงจำ ... ที่แสนน่ารักและโรแมนติค

 

จากครั้งนั้น เราไม่มีโอกาสได้พบเจอกันอีกเลย

แต่เรื่องราวที่ไหมเล่า ยังอยู่ในใจผู้เขียน

 

นานจากนั้นอีกหลายปี เมื่อมีโอกาสได้พบปะสนทนากับเพื่อนๆพี่ๆหลายคน

ทั้งที่เป็นอดีตสหาย อดีตนักรบจรยุทธ์ รวมทั้งอดีตข้าราชการ

ที่เคยทำงานในเขตใกล้เคียงกับหมู่บ้านของไหม

ทำให้ผู้เขียนปะติดปะต่อและคาดเดาเอาเองว่า

“สหายมุ่ง” น่าจะเป็น “นักรบจรยุทธ์”

ที่ทำงานมวลชนชายฐานที่มั่นแถบบริเวณที่ตั้งหมู่บ้านของไหม ในอดีต

 

แม้จะเริ่มจากประทับใจเรื่องราวน่ารักโรแมนติค

แต่ข้อมูลเข้มข้นหลากแง่หลายมุม ที่ได้จากการพูดคุยกับบรรดากลุ่มคนที่มีอดีตต่างๆเหล่านั้น

ทั้งเรื่องราวที่มาที่ไปของชีวิต ... ความคิดความเชื่อมั่นศรัทธาต่อองค์กรที่สังกัด

รวมทั้งสภาพบ้านเมือง ผู้คน ในห้วงเวลาที่ไฟสงครามปฏิวัติยังลุกโชน

 

สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เขียน รวบรวมเรื่องราวทั้งหมด

นำมาเรียบเรียง และเรียงร้อยออกมาเป็นนิยาย

ที่บอกเล่าชะตากรรมของผู้คน โดยเฉพาะ “ไหม” และ “มุ่ง”

ที่สงครามปฏิวัตินำพาเธอและเขาให้มา ...

“พบ” และ “แยก” ...  จากกัน

 

ไหมลี / กันยายน ๒๕๖๗

.............................................

 

 สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก  

 

whitebanner