คาร์ล มาร์กซ :    ชีวิตกับความใฝ่ฝัน 141 ปีผ่านไป (พ.ศ. 2426-2567) ตอน 5

โดย ธเนศวร์ เจริญเมือง

บทวิเคราะห์
ในงานชิ้นสำคัญ (ปี 1859) ของมาร์กซ ชื่อ “บทอุทิศแก่การวิพากษ์เศรษฐศาสตร์การเมือง” มาร์กซเขียนว่า การผลิตในสังคมจะเป็นอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับระบบการผลิต โครงสร้างเศรษฐกิจ กฎหมาย การเมือง และจิตวิญญาณของชีวิตในขณะนั้น “การดำรงอยู่ทางสังคมต่างหากที่กำหนดจิตสำนึกของผู้คน” ในขั้นตอนที่แน่นอนหนึ่งของการพัฒนา ที่เสนอมานี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นบทบาทของสิ่งแวดล้อมรอบๆชีวิตของคนๆหนึ่ง แต่ขณะเดียวกัน การกำหนดเช่นนี้ ก็มิใช่ด้านเดียวทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละชีวิตมีปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบๆอย่างไร
ข้อแรก มาร์กซ เป็นคนมีสติปัญญาดีเยี่ยม มีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่สนับสนุนการศึกษาที่ดีแก่เขา ทำให้เขามีเวลาอ่านหนังสือและศึกษาค้นคว้าอย่างเต็มที่ ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมดังกล่าวและสังคมเยอรมันที่ส่งเสริมการศึกษา ทำให้มาร์กซมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้และศึกษาสังคมมากขึ้นเป็นลำดับ
ข้อที่สอง การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมในยุโรปตะวันตกนับตั้งแต่นักสำรวจออกไปค้นพบโลกใหม่ การปฏิรูปศาสนา (the Reformation) ทำให้เกิดการแยกตัวของคริสต์ศาสนาเป็น 2 นิกายใหญ่ การเกิดขึ้นของนักคิดนักปรัชญาจำนวนมากในยุโรปตะวันตก นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในอังกฤษ สหรัฐ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ฯลฯ นับตั้งแต่ ทศวรรษ 1490 เป็นต้นมาจนถึงทศวรรษ 1830 ที่มาร์กซเติบโตเป็นวัยรุ่น ทำให้โลกที่เป็นเวทีการเรียนรู้ครั้งใหญ่ของนักเรียนคุณภาพเยี่ยมเช่น มาร์กซ และยิ่งได้พบอ่านงานเฮเกล และศิษย์ของเขาจำนวนมาก ขณะที่เยอรมันมีความขัดแย้งอย่างมากภายในสังคมศักดินาที่กำลังจะแตกสลายและเศรษฐกิจทุนนิยมที่กำลังเติบโต พลังอนุรักษ์นิยมที่ดิ้นรนอย่างแรงเพื่อต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น การปะทะกันระหว่างแนวคิดจิตนิยมของ เฮเกลและแนวคิดวัตถุนิยมของฟอยเออร์บัค ต่อหน้าความทุกข์ยากของชาวนาและกรรมกรในเยอรมัน-ฝรั่งเศสและอังกฤษ จึงเป็นโรงเรียนชั้นยอดของมาร์กซที่จะเรียนรู้, พัฒนา และตอกย้ำแนวคิดเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมต่อไป
ข้อที่สาม มาร์กซมีพ่อแม่เชื้อสายยิวซึ่งได้รับการหมิ่นแคลนอย่างมากในเยอรมัน แม้ในหมู่ชนชั้นกลาง จะไม่แสดงออกอย่างเปิดเผย แต่เขาก็ตระหนักดี ขณะเดียวกัน เนื่องเพราะเขาเกลียดความอยุติธรรมในสังคม และไม่ชอบการที่คนส่วนใหญ่ถูกเอารัดเอาเปรียบ โลกรอบตัว-การเปลี่ยนแลงในฝรั่งเศสที่ส่งผลกระทบต่อแคว้นไรน์-บ้านเกิดของเขา การได้เห็นความไม่เป็นธรรมรอบตัว และระบอบการปกครองแบบอำนาจนิยมของเยอรมัน เมื่อได้ประสานเข้ากับการศึกษาในมหาวิทยาลัยและปัญญาชนหัวก้าวหน้าในเวลานั้น บวกเข้ากับการที่มาร์กซต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมตั้งแต่อายุ 21 (ค.ศ. 1843) และต่อเนื่องนับแต่นั้นจนต้องลี้ภัยไปอยู่ที่อังกฤษแบบถาวรยาวนาน จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต สำหรับมาร์กซ นั่นคือ การเติบโตและความแข็งแกร่งของปัจจัยภายใน เหตุนั้น เส้นทางชีวิตของเขาจึงเหลือเพียง 2 สาย: ยอมจำนน กลับไปเรียนต่อด้านกฎหมายและทำงานเป็นทนายความเหมือนบิดา หรือจะต่อสู้บนหนทางของความคิดและความฝัน
ข้อที่สี่ มาร์กซ ได้รับรักแท้จากเจนนี่ ฟอน เวสต์ฟาเลน ภรรยา เธออยู่เคียงข้างเขาเสมอไม่ว่าสถาน-การณ์ของครอบครัวและรอบๆจะเป็นเช่นไร และรักแท้ของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เฟรเดอริค เองเกลส์ ที่ร่วมกันทางความคิด การต่อสู้ และเงินทอง ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมทางเดินของชีวิตที่มั่นคงตราบจนวาระสุดท้าย
ข้อที่ห้า ตลอดชีวิตของมาร์กซ เขาได้ประสาน 3 สิ่งเข้าด้วยกัน คือ ยืนหยัดอุดมการณ์เพื่อคนส่วนใหญ่ของสังคม; ศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ความคิดเรื่องสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์อย่างต่อเนื่อง; และลงมือทำงานทุกรูปแบบให้ความคิดเหล่านั้นปรากฏเป็นจริง เป็น 3 ประสานที่หนักแน่นดุจหินผา ดังที่เขากล่าวไว้ในปี ค.ศ. 1845 (พ.ศ. 2388) นั่นคือ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมแล้วก็ลงมือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นปัญหา
และ ข้อสุดท้าย มาร์กซไม่ใช่เทวดา เขาเป็นคนเดินดินที่มีเลือดเนื้อ มีจุดอ่อนหลายข้อ โดยเฉพาะท่าทีที่แข็งกร้าวต่อนักสู้กับความอยุติธรรมในสังคม แต่มีความเห็นต่างกันในด้านแนวทางที่ยังไม่มีข้อสรุป

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก  

whitebanner