บทความส่งเข้าประกวดชิงรางวัล “หนึ่งธันวา“ เรื่องที่ ๓ - บันทึกความทรงจำจากการต่อสู้ร่วมกับ พคท....“ขึ้นชื่อว่านักรบจะแพ้หรือชนะมานั่งเสียขวัญอยู่ไม่ได้"

 

โดย สหายเยาว์ นักรบหญิงกองร้อยที่ ๑ พัทลุง - ตรัง - สตูล


คิดถึงเพื่อน ญาติพี่น้องมวลชนผู้พลีชีพไปกับสงคราม จากการไม่พอของอำนาจเผด็จการ คำว่าเผด็จการสมัยนั้น ฆ่าคนแก่ ฆ่าผู้หญิง เอาไปข่มขืนแล้วฆ่าทิ้ง คนที่ไม่มีทางต่อสู้ได้ ต้องตายไป หาคนผิดไม่ได้ ลูกต้องจากพ่อแม่ ต้องสูญเสืยคนที่รักในครอบครัว จำไม่มีวันลืม บากหน้าไปหาญาติสนิท เขาก็ไม่ยอมรับ เขาว่าเราลูกคอมนิสต์ ไม่เจอกับตัวจะไม่รู้สึกอะไรหรอก พอจะกลับมาหาบ้านเกิด ถูกไล่ล่าเหมือนหมา พอมาเห็นสภาพบ้านเกิด อนิจจาถูกรื้อข้าวของกระจัดกระจายทั่วทั้งห้อง ถ้วยจานถูกโยนทิ้งแตกกระจัดกระจาย หมดแล้ว ทั้งยายที่ถูกฆ่าตายจากถังแดง แล้วให้ฉันกลับมาเอาของที่บ้านที่อยู่อาศัย ถูกทำลายไม่เหลือ


จากนั้นก็ต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว ออกจากบ้าน การเดินทางออกจากบ้านมาถนนสายใหญ่ เพื่อที่จะไปหาญาติอยู่ แต่ในช่วงที่เราเดินออกจากบ้านถูกไล่ล่าอีกครั้่ง เสียงดังออกมาว่า เอาไปฆ่าให้ตายให้หมด พวกเราวิ่งสุดกำลังที่มีอยู่เพื่อเอาชีวิตรอด จมน้ำ เสื้อผ้าที่ใส่ถุงกระดาษแหก ๆ รุ่งริ่ง แต่เราวิ่งออกมาได้ รอดได้มาขึ้นรถไปหาญาติจนรอดปลอดภัย รอให้แม่กับพ่อมารับขึ้นไปรวมกับพรรคคอมมิวนิสต์ จนมาเป็นคุณเยาว์สหายกองร้อยหนึ่ง


เรื่องจริงที่ลืมไม่ลงติดตัวฉันไปจนชีวิตหาไม่ ในวัย 11 ปี จบชั้นเรืยนป.4 ต้องขึ้นป่าเข้าร่วมกับพรรคคอมนิสต์


ความรู้สึกตอนนั้น คิดอย่างเดียวจะแก้แค้นให้กับญาติพี่น้องที่ถูกเผาทั้งเป็นพร้อมทั้งตัวยายด้วย ตอนไปอยู่กับญาติ อดมื้อกินมื้อ รู้ม่ายมื้อเที่ยงเรากินอะไรกัน ขึ้นอยู่บนต้นมะขาม พาเคยไปจุ้มกินตามประสาเด็ก ๆ รอวันที่พ่อกับแม่ พี่สาวมารับ


และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง พื่สาวลงจากป่าใหญ่ ลงมายังหมู่บ้านที่ข้างบ้านตอนค่ำคืน พี่บอกว่าแม่ให้มารับไปหาแม่นะ ฉันดีใจสุดขีด


มีอยู่สองเรื่องที่ฉันต้องทำ เรื่องแรกต้องฆ่าคนที่รับจ้างทำงานให้กับพวกทหารไปไล่ล่าพวกเรา อีกอย่างที่สองก็จะแก้แค้นแทนยายที่ถูกพวกมันเผา อย่างแรกฉันทำไม่สำเร็จหรอก ความคิดเด็ก ๆ ของฉันเอง


แต่อย่างที่สองฉันทำสำเร็จ ได้ฝึกจบหลักสูตรการทหาร โดยครูฝึกที่จบมาจากเวืยดนามในสมัยนั้น


หลังจากนั้นเราก็มีเพื่อนในอุดมการณ์เดียวกัน 9 ปีเต็ม ๆ ฉันไม่ได้กลับมาบ้านเกิดเลย มีภารกิจต้องทำร่วมกับคนอื่น ๆ จนเพื่อนต้องจากไปบางส่วน บางส่วนก็ได้กลับมาเห็น ๆ หน้ากันจนถึงทุกวันนี้


ภารกิจของทหารหน่วยรบต้องปกป้องกองทัพ หรือเขาเรืยกว่าฐานที่มั่น เขตพัทลุง - ตรัง - สตูล


ขั้นตอนแรกกำลังคนเรามีมาก แต่เราไม่มีอาวุธปืนที่จะใช้ ต้องรบแบบจู่โจมหรือรบแบบกองโจร รบเก็บปืนมาเรื่อย ๆ


ที่น่าภูมิใจเริ่มจากหน่วยรบ 1 หมู่ก่อน คัดเลือกเอาที่สหายคล่องตัวว่องไวรบเร็วถอนเร็ว ในหน่วยนั้นมีผู้หญิง 2 คนเท่านั้น อีกคนไม่กล้าเอ่ยชื่อเขา ไม่ได้ขออนุญาตเขาที


ต่อมาเริ่มตั้งกองร้อยทหารราบที่ 1 ขึ้นมา ประจำเขต 3 จังหวัดพัทลุง - ตรัง - สตูล ฝึกพร้อมออกรบได้ทุกเวลาเมื่อมีคำสั่ง ที่ฉันว่าการเมืองนำทหารนั้น มีคำสั่งออกมาว่าข้าศึกจะปราบเราหนักหนักขึ้น ผู้บังคับบัญชาเรียกประชุม มีทหารฝ่ายตรงข้ามมาตั้งค่ายอยู่ที่เขาไคร สตูล ตัดทางลำเลียง ทางขนส่งขึ้นค่ายใหญ่ หน่วยที่มาตั้งเป็นนาวิกโยธินจากค่ายสงขลา ค่ายนี้ดังมาก ๆ รบเก่ง ปราบคอมเลยแหละ


แต่พวกเราก็มีความพร้อม ขึ้นชื่อว่ากองร้อยทหารราบที่ 1 เหมือนกัน พอ ๆ กัน พวกเราใจเต็มร้อย คำสั่งออกมาว่าต้องบุกโจมตีเร็ว ๆ นี้ ภายใน 4-5 ชั่วโมงต้องถึงเป้าหมาย เอาแล้วงานเข้าแล้วละ


สัมภาระไม่มีอะไรมากหรอก เป้ เปล ของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าเราถึงจะมีมวลชนหุงข้าวมาให้ ถึงที่พัก กินข้าว พักเช็คกระสุนปืนประจำกาย เราไม่ได้นอนพักนะ ระหว่างที่รอหน่วยสอดแนม หรือไปสืบสภาพ พวกเราก็คุยกับเพื่อนที่สนิทกันว่า คืนนี้ถ้าผมหรือฉันตายให้สหายฝังร่างแล้วทาแป้งให้กันนะ


ที่ขาดไม่ได้ทุกครั้งที่ออกรบ เรามีอีกหน่วยหนึ่งเอาจอบเสียมไปกันทุกครั้ง จะถามว่าเราคิดอะไรกับอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่เลย เฉย ๆ


พวกเราเคลื่อนทัพด้วยรถยนต์จอหนัง คือรถทุกไม้ พอถึงหลังแนวปืน ค.60 ยิงผ่านหลังแนวไป 1 ลูก ไปตามหลังหน่วยสกัดไป 1 นัด หึ พวกเรานักรบก็แหลงเป็นเสืยงเดียวกันว่า ฮะ คืนนี้ตายกันหมด พอถึงเป้าหมาย ปืน ค.ยิงดักทักทายซ้ายขวาหน้าหลัง การยิงของฝ่ายตรงข้าม ยิงขึ้นบนสันควนแต่ไม่โดนพวกเรา


จะถามอารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างไร ใจยังเต็มร้อย


คำสั่งมาให้แนวรบหยุด วางแผนว่าจะเอาอย่างไร ระหว่างนั้นมีเสียงตีระฆังอยู่ตลอดเวลา ผลประชุมหัวหน้าหมวดหมู่ออกมาว่า เมื่อมาแล้วต้องรบ


การบุกโจมตีครั้งนี้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ไม่มันก็เราต้องจบ หมายถึงตาย ในช่วงที่ผู้บังคับบัญชาวางแผน แผนวาดบนพื้นกับดิน เอาอุปกรณ์มาวางพอรู้เรื่อง พอประมาณว่าพอเข้าใจ เป็นที่โล่งไม่มีสิ่งกำบัง มีแต่บังเกอร์ของศัตรูเท่านั้นที่จะให้เราบังตัวได้ จำนวนทหาร 100 ต่อพวกเราก็ 100 คน นี้เรื่องจริง งานนี้สนุกแน่ พวกเราพูดกันตามประสา


ถึงเวลาบุกเข้าค่อย ๆ คลานท่าจิ้งเหลนไปจนถึงเป้าหมาย รอปืนบัญชายิง ชุดแรกพวกเราจะยิงหนัก มีปืนอะไรก็ใส่ไปหมด หมายถึงยิงเต็มที่ แต่…ทำไมเงียบจัง ไม่มีการยิงตอบโต้ วิ่งถามกันหมดแหละ ยิงเท่าไหร่ก็ไม่อยู่ สหายหน่วยกล้าหาญ หรือกำลังไฟ ทั้งยิงทั้งขว้างระเบิดจนร่อยหรอ พอยิงชุดที่สอง ผู้บังคับบัญชาสั่งบุกประชิด ใช้ไฟฉายส่องก็ไม่เห็นไหร พอสักพักทหารที่นอนอยู่ในหลุมสวนกลับ ทำเอาพวกเราตายบาดเจ็บทันทีจำนวนมาก


ตอนที่รบอยู่ไม่ใช่รู้ว่ากำลังที่เหลือของเรามีจำนวนกี่คน มารู้ทีหลังว่าประมาณหนึ่งหมวดที่รบจริง นอกนั้นตายบาดเจ็บ สหายอีกส่วนเอาสหายที่เจ็บออกจากแนว


เป็นครั้งแรกที่นักรบทุกคนใช้ไหวพริบกันเอาเอง ช่วยเหลือเพื่อนออกจากแนวรบ อีกส่วนยิงคุ้มกันให้เพื่อนออก อีกส่วนยิงต้านหน่วยที่ดักพวกเราไม่ให้เข้าประชิดค่าย ยิงกันนานจนสหายบางคนหมดกระสุน ฉันก็กระสุนหมด ไปขอจากคุณอุเทน สหายไม่ให้ แต่ไม่มีจะยิงก็แย่งมา พอตอนยัดลูกปืนใส่แม็ก ฉันพลัดบ่อร้าง แต่ลงไปยัดแม็ก ปีนแล้วขึ้นมายิงต่อได้อีก พอได้ยินเสียงว่าเป็นเสียงคนหญิง มันตะโกนออกมาว่าอ๋า ๆ ๆ ๆ กางเกงในหลุดออกจากตัวแล้ว เข้าใจว่ามันล้อเลียนให้เรายิงจนหมดลูกกระสุนปืน


รบกันนานหลายชั่วโมง มีอยู่ที่ทำให้ฉันเสียใจที่สุด นึกแล้วไม่น่าทำลงไป แต่ไม่รู้จริง ๆ คือเอาไฟฉายสปอร์ตไลท์ฉายไปที่ฝ่ายตรงข้าม แล้วถูกยิงสวนกลับ ฉันดับไฟไม่เป็น ทำเกินหน้าที่แย่งของ ทำให้คุณสมชัยถูกยิงสวน ขาหัก ฉันดับไฟไม่เป็น เอาถุงน้ำที่บ่อน้ำครอบไฟฉายไว้


คุณสมชัยพอถูกยิง แกถอดสลักระเบิดเตรียมจะขว้างออกไป แต่สติแกยังดี แกบอกมาก่อน ฉันแกะจากมือแกแล้วขว้างออกไป ให้คุณชาติเอาสมชัยออกจากแนว พวกเรายิงสกัด ผลัดกันยิงจนเอาสมชัยออกไปได้ เราต้องเอาชนะแค้นใหญ่ เพื่อนล้มตรงหน้าหลายคน แต่ตอนอยู่ในแนวรบไม่ใช่รู้ว่าเพื่อนเราเขาเข้ากลับแนวไม่ได้แล้ว ถูกยิงสกัดไว้หมด ปืนสหายที่บาดเจ็บก็ไม่ได้เก็บกลับมา อยู่ในแนวรบ ว่าจะกลับไปเอาอีครั้ง


พอสักพักใหญ่มีระเบิดอีกลูกลงในแนวที่พวกเราอยู่ แต่คุณชัยยาวไหวพริบดี แกหยิบแล้วขว้างกลับไปหาพวกมันในเวลา .3 วิ. ตามที่ฝึกมา


พอถึงเวลาใกล้จะเบิกหวางแล้ว ทำท่าเห็นอะไรเป็นอะไรแล้ว คุณแสนวิ่งมาบอกพวกเราว่าสหายส่วนใหญ่ตายบาดเจ็บแล้ว ส่วนใหญ่ออกไปแล้ว เข้ากลับแนวไม่ได้ ให้พวกเราใช้ไหวพริบกันเอาเอง แกยิงสกัดให้พวกเราถอยได้มาสักสองก้าวได้ คุณแสนก็ถูกยิง ตอนนั้นรุ่งแล้วมองเห็นคนแล้ว ฝ่ายตรงข้ามเอาปืนกลติดรถไล่ยิงพวกเรามาเป็นระยะ ฉันกับคุณถาวรยิงสกัดเอาคุณแสนออกจากแนว แต่เราทำไม่สำเร็จ คุณชัยกลิ้งครกไปได้สัก 4 เมตรจะลากศพคุณแสนออก แต่ไม่สำเร็จ เพื่อนเราต้องจากเราไปต่อหน้าต่อตาอีกคน


ที่เหลือพวกเราช่วยกันและกันจนถึงที่ปลอดภัย ตอนเอาปืนกลไล่ยิง พวกเรามันตะโกนเยาะเย้ยว่ามันยิงโม่มึงตายหมดแล้ว ความแค้นไม่ต้องพูดถึง แต่ต้องออกมาก่อน เวลานั้นตีแปดตอนเช้าได้ ขณะที่ถอยกลับเจอคุณทินถูกยิงเข้าหัว วิ่งกุมหัวออกจากแนว อนิจจาแกมาเสียตอนสหายพากลับมาที่ค่ายแล้ว


พวกเราถึงที่หมายก็ลำเลียงสหายบาดเจ็บขึ้นรถกระบะที่ยึดมา มีคุณพิศ (สหายนักศึกษาหญิง) เป็นคนขับรถขนส่งทหารบาดเจ็บไปเขต 5 ป่าพน พวกเราหนึ่งหมู่นอนหลับอยู่ข้างทางด้วยไม่รู้ว่าสาเหตุไหร่ลืมตาไม่ขึ้น แต่ยังดีเข้าเขตป่าแล้วพวกเราไม่ถูกยิงอีกรอบ


ถึงสูญเสียสหายไปบางส่วน แต่เราก็ทำสำเร็จ ค่ายทหารก็เลิกไปในที่สุด เป็นการสูญเสียสหายที่เป็นที่รัก เราเพิ่งคุยกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมง เราเคยกินข้าวร่วมกัน แต่มันเป็นมื้อสุดท้าย ไม่รู้เลยว่าเป็นมื้อสุดท้ายของเขา


สหายที่เจ็บ 1 หมวดกว่า ต้องรักษาตัว บางคนก็พิการจนถึงทุกวันนี้ บางคนมีแผลติดตัวไว้เตือนความทรงจำ ทุกวันนี้ที่ผ่านมา เราเจอมาแต่เราไม่ท้อ เดินหน้าต่อไป มีครั้งต่อไปอีก


การรบครั้งนี้เราแพ้ สายที่เป็นมวลชนนำแผนงานทั้งหมดไปบอกกับพวกทหารที่เราไปโจมตี วันเวลาบอกชัดเจนหมด แต่พลาดอยู่อย่างหนึ่งคือ ไปบอกว่าพวกเราไปกับรถต้องเข้าทางด้านหน้า แต่ผู้บังคับบัญชาของเรา เปลี่ยนเป็นเข้าทางหลังแนว


แผนการวางไว้ว่าให้มีกำลังไฟ คือหน่วยรบเร็ว หน่วยแม่นปืน อาวุธหนัก เอ็ม 79 ปืนกล ระเบิดฯ หน่วยหลักนี้ต้องมีความคล่องตัวพอสมควร บุกเร็วถอยเร็ว จะวางแนวรบเป็นรูปวงเดือน หมวดที่ 1 จะอยู่ด้านซ้าย หมวดที่ 2 อยู่ตรงกลาง หมวดที่ 3 อยู่ขวาของแนว ทุกคนต้องประสานการรบกับผู้บัญชาการที่มีสหายฝ่ายนำอยู่ด้านหลัง ไม่เข้าแนวรบ คอยบัญชาการที่ศูนย์บัญชาฯ มีนักรบสื่อสารคอยวิ่งเข้าออกแจ้งสภาพระหว่างนักรบกับศูนย์บัญชาฯ


แต่การรบครั้งนี้เสียลับ ฝ่ายตรงข้ามตัดแผนการพวกเราหมด เหลือแต่ผู้บัญชาระดับหมวดที่เข้าแนวรบประสานกันเอง ระดับหน่วยต้องช่วยกันเป็นขั้นตอน ผู้บังคับบัญชาระดับนำเข้าแนวรบคนเดียวคือคุณเกริก แกถูกยิงแต่ไม่ตายทันที ถูกจับแล้วยิงทิ้งทีหลังพร้อมกับคุณเชิด


คุณเกริกเป็นขวัญและกำลังใจของนักรบ นิสัยใจคอเป็นกันเองกับนักรบ การพูดให้เกียรตินักรบ ให้พวกเรารักเพื่อน ๆ ในสนามรบเพื่อนเราตายเราต้องแก้แค้น ให้ทำตามที่พรรคสอน ยึดมั่นรัดกุม เวลาแกพูดแกมีวิธีพูดให้พวกเราไม่กลัวตาย ตอนนี้ฉันใส่อารมณ์นั้นไม่ถูก ได้แต่บอกว่าเก่งมาก ๆ นักรบทุกคนพากันเสียขวัญ ไม่มีใครลืมแกได้


เขียนไว้ให้คนรุ่นหลังรู้ว่าเราเคยติดอาวุธ แล้วรบกับพวกชนชั้นปกครอง แต่เราก็ต้องเปลี่ยนทิศทางกันใหม่


บ้านฉันไม่เหมือนกับบ้านคนอื่น ๆ เขาในยุคสมัยนั้น พ่อพวกเราถูกขังคุกคดีการเมืองข้อหารวมกันเป็นคอมนิสต์หลายปี พอพ่อหลุดโทษออกมา พรรคคอมมิวนิสต์ก็ยังเคลื่อนไหวอยู่ พ่อต้องอยู่แบบกึ่งป่ากึ่งบ้านอยู่หลายปี แม่ต้องเลี้ยงพวกเราคนเดียว จำได้ว่าเคยไปนอนกับพ่อริมสวนในป่าไส ช่วงที่พ่อหลบหนี กลัวจะถูกจับไปขังอีก โดยที่ตัวพ่อเองไม่ใช่นักเคลื่อนไหวอะไร ทำงานให้ครอบครัว ปลูกยางพาราไว้ให้ลูก ๆ


ไปนอนกับพ่อ มีแคร่ต้นพุด หลังคามุงผ้ายาง ฝากั้นกับทางเหนา เรียบ ๆ ง่าย ๆ หมอนทำกับไม้หล่อทอน ไม่ยาว พอตั้งหัวนอนได้ พ่ออยู่แบบนั้นประมาณ 4 ปีได้ พอช่วงหลังถูกกดดันหนัก บ้านที่เคยอยู่เคยนอนก็ต้องจากไป เพราะเขาเริ่มจับคนไปฆ่าในถังแดงเหมือนจะทุกวัน ถีบลงจากเครื่งบิน จับผู้หญิงข่มขืนแล้วฆ่า แถมมาบอกยาย ๆ ให้ไปหา ว่าไปที่นั่นที่นี่ มันโกหก เที่ยวป่าวประกาศว่าจะฆ่าให้หมดบ้าน เป็นคอมนิสต์ทั้งเพ เหตุผลที่แม่กับพ่อทิ้งฉันไว้กับยายสมัยนั้น คิดเอาเองว่าเด็กกับคนแก่เขาคงไม่จับไปฆ่าละ


มาวันหนึ่งมีสหาย ทปท.ชุดหนึ่งโจมตีค่าย ทำให้พวกมันโกรธจัด ตอนเสียงปืนเขายิง ยายพาพวกเราออกไปพึ่งวัด อยู่ในวัดถือว่าปลอดภัย ตกลงไหร่ได้ มาจับยายถึงในวัด ข้อหาเป็นคอมนิสต์ รับรู้เห็นต่อการยิงกันครั้งนี้ ตอนบ่าย 3 ได้ แต่ฉันติดไปกับยายด้วย มันไล่ลงจากรถ แต่ฉันไม่ยอมลง เลยถูกจับไปพร้อมยายกัน ก็เหตุเกิดเหมือนที่ฉันเล่าตอนแรก ๆ จนถึงบัดนี้ ยายของฉันไม่ได้กลับมาหาฉันและครอบครัวเลย ในวัย 70 กว่า ๆ ฉันจำอายุยายจริงไม่ได้นะ ประมาณเอาเอง คนในบ้านที่ตายพร้อมยาย
1.มีตาจุม
2.มีลุงจันทร์
3.มีสาวพุมลูกตาจุม
4.มีพี่เลียบที่ฉันว่ามันข่มขืนก่อนฆ่า อ้างอิงมาจากทหารที่มาได้ลูกเมียที่ข้างค่าย
5.ยายแดงพี่สาวคุณสวน
6.แม่บ่าวด้วง ลืมชื่อ
7.พี่ม่อม คนนี้ก็ถูกข่มขืนก่อนแล้วฆ่า
และยายฉัน ชื่อนางแหม่ว รักทองจันทร์


รายชื่อเหล่านี้มีอยู่ในอนุสรณ์สถานฯแล้วทั้งหมด และอีกมากมายที่มาจากลำสินธุ์ บ้านเขาคราม บ้านโตน บ้านวง มีป่ายอม บางส่วนทั้งตำบล ทั่วจังหวัด เพราะมันแจ้งว่ามันได้ปราบคอมนิสต์ให้หมดไป มันแจ้งหน่วยเหนือว่าแบบนั้น อันนี้อ้างอิงมากับทหารที่เคยร่วมกันฆ่าพวกเราในช่วงนั้น


เหตุและผลพอม่ายที่ทำให้เด็กหญิงคนหนึ่งลุกขึ้นจับอาวุธ.

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก  

 

 

whitebanner